• ข่าวสาร
      expand_more
      • Patch Note
      • ทัวร์นาเมนท์
      • โปรโมชั่น
      • กิจกรรม
      • ข่าวอัพเดต
    • ทัวร์นาเมนท์
      expand_more
      • GRAND TOURNAMENT
    • คู่มือเกม
      expand_more
      • เทคนิคการเล่น
      • ระบบภายในเกม
      • การเริ่มเล่นเกม
      • คลาส
    • มีเดีย
      expand_more
      • WALLPAPER
      • CLIP & LIVE STREAM
      • COMIC
    • เติมเงิน
      expand_more
      • เติมไอเทมโค้ด
      • เติมผ่าน SCB
      • แลก DIAMOND
      • ซื้อ SHELL
    • ดาวน์โหลด
      expand_more
      • MANUAL PATCH
  • การแข่งขันESPORT
  • ทำการซื้อGARENA SHELL
  • เปลี่ยน SHELLเป็น DIAMOND
  • ทำการเติมITEM CODE
  • ไกด์ & เทคนิคการเล่นGUIDE
  • BLADE & SOULCOMIC
  • COMMUNITYBLADE & SOUL
  • ระบบช่วยเหลือHELP

  • expand_less
    Top
warden วอร์เดน ทำนองบุปผา: ดอกไม้ที่ร้องเพลงได้
warden วอร์เดน ทำนองบุปผา: ดอกไม้ที่ร้องเพลงได้
  • EP.1
    ดอกไม้ที่ร้องเพลงได้
comic share
ดอกไม้ที่ร้องเพลงได้
remove_red_eye11531/01/2019

ย๊ากกกกกกกกก!!!

 

เสียงตะโกนโหยหวนของเหล่าปีศาจดังขึ้น พร้อมกับเลือดที่เปื้อนใบหน้าของวอร์เดน แม้เลือดจะอาบท่วมใบหน้าเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะกระพริบตาเลยสักครั้ง และยังคงฟาดฟันเหล่าปีศาจอย่างไม่หยุดยั้ง

 

http://static.plaync.co.kr/gaiaupload/BladeNSoul/bbs/201806/120180604155236.png?1528095156362


 

 

 

“ปีศาจชัด ๆ นั่นมันปีศาจ"

"ก็มันถูกสร้างให้เป็นแบบนั้นนี่”

 

เหล่าทหารที่เห็นภาพนั้น ต่างพากันซุบซิบนินทา

 

"แล้วแบบนี้เราจะไปแทรกได้ไงล่ะ"

"ก็ดีแล้วนี่ แบบนี้เราจะได้วางอาวุธพักบ้าง..."

 

เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังวางอาวุธของตนลง เพราะความสามารถในการต่อสู้ของวอร์เดน ทำให้เหล่าทหารมีเวลาพัก ถึงอย่างนั้น การกระทำของวอร์เดนกลับไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยในสายตาของสหายผู้ร่วมรบ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ชี้ชัดให้เห็นว่าความสามารถของพวกเขายังไม่เพียงพอ เป็นบ่อเกิดให้เกิดคำติฉินนินทามากมาย

 

"หนวกหูน่า! หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างมาอะไรกัน"

 

เสียงของแม่ทัพที่ว่ากล่าวเสียงซุบซิบของพวกทหาร

 

"เด็กคนนั้นไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่เป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักต่างหาก ถ้าว่างขนาดมีเวลามานินทาคนอื่นล่ะก็ เอาเวลาไปจัดการศัตรูนู่นไป!"

 

"ขอ- ขอรับ!!"

 

เหล่าทหารรีบวิ่งออกไปตามคำสั่งของแม่ทัพ แม่ทัพมองตามหลังทหารเหล่านั้นพร้อมกับถอนหายใจออกมา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม...วอร์เดนยังคงฟาดฟันเหล่าปีศาจอย่างไม่หยุดยั้งด้วยสีหน้าที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร

 


 

 

วอร์เดน: 歌花 (ทำนองบุปผา: ดอกไม้ที่ร้องเพลงได้)

 

 

ณ ค่ำคืนหนึ่ง

 

ขณะที่วอร์เดนเหม่อมองเหล่าทหารที่หลับใหล พลางหาที่สำหรับนอนหลับพักผ่อน ไม่ว่ายังไง ผู้คนต่างรู้สึกอึดอัดที่อยู่ใกล้เขา และตัวเขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับคนอื่นเช่นกัน

 

อาวุธที่มีชีวิต

 

วอร์เดนเองก็รู้ว่าผู้คนต่างขนานนามเขาเช่นนั้น แต่เขาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ตั้งแต่เกิดมา สิ่งที่เขาเรียนรู้ มีเพียงการฆ่าล้างเท่านั้น แน่นอนว่าผู้คนคงจะกระอักกระอวนใจ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเช่นกัน

 

เพราะแบบนั้น การอยู่คนเดียวจึงสบายที่สุด ยกเว้นการออกรบ เขามักจะทำอะไรคนเดียวเสมอ ไม่ว่าจะตอนนอน หรือตอนกินข้าว และคนอื่น ๆ ก็ไม่สนใจเขาเช่นกัน พวกเขาสนเพียงว่าต่อสู้ได้ดีแค่ไหนเท่านั้น

 

 

*

 

เขาเดินออกมาจากค่ายทหารและปักดาบใหญ่ไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่เขาตั้งใจจะพักผ่อนที่นั่น แต่แล้ว จู่ ๆ เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมา

 

'...?'

 

เสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้เขาหยุดชะงัก เสียงนี้คือเสียงจากขลุ่ยธรรมดา ๆ ที่แทรกผ่านสายลม ทว่า วอร์เดนผู้ซึ่งไม่เคยฟังเพลงมาก่อนไม่รู้เลยว่านั่นคือเสียงอะไร

 

คงเพราะแบบนั้น ปกติแล้วเขาคงจะเพิกเฉยและปล่อยผ่านไป เขาไม่เคยสนใจสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากการสู้รบมาก่อน แต่ทว่า ครั้งนี้แตกต่างออกไป เขาดึงดาบใหญ่ที่ปักพื้นไว้ออกมาและเริ่มออกเดินไปตามเสียงนั้น

 

***

 

วอร์เดนหยุดเดินเมื่อพบกับต้นตอของเสียงนั้น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเป่าขลุ่ยอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าแห้งแล้งที่มีดอกหญ้าขึ้นแซมประปราย

 

"นั่นมัน... อะไรน่ะ?"

"หืม?"

 

ดวงตาทั้งคู่ของหญิงสาวเบิกกว้างอย่างตกใจเห็นวอร์เดนปรากฎตัว

 

"อันนี้หรือ?"

"นั่นแหละ ที่เจ้าถืออยู่น่ะ...."

"...? อันนี้ เขาเรียกว่าขลุ่ย? ขลุ่ย"

"ไม่ใช่อันนั้น อันนั้นต่างหาก"

 

วอร์เดนชี้ไปที่ขลุ่ย

 

"ก็นี่แหละ เขาเรียกว่าขลุ่ย"

"ไม่... เสียงที่ออกมานั่น"

"เสียงเหรอ หรือว่า.... ท่านหมายถึงเสียงเพลง"

"เสียงเพลงงั้นรึ"

"ใช่แล้ว มันคือเสียงเพลง"

 

หญิงสาวเปล่าขลุ่ยอย่างไพเราะอีกครั้ง เสียงอันแผ่วเบาเหมือนแสงจันทร์ที่สาดกระทบกับก้อนหินแว่วไปยังโสตประสาทของวอร์เดน

 

"สิ่งนี้... คือเสียงเพลงงั้นรึ?"

"ท่าน... ไม่เคยฟังเพลงหรือ?"

“เพลง..."

 

วอร์เดนชะงักกับคำพูดของหญิงสาว

 

"เจ้าช่วย... ทำให้ได้ยินอีกครั้งได้ไหม เสียงเพลงของเจ้าน่ะ"

 

หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกับคำขอร้องของวอร์เดน

 

"ดีเลย การเล่นดนตรีน่ะ ยิ่งมีคนดูยิ่งสนุกนะ"

 

หญิงสาวจรดริมฝีปากกับขลุ่ย และบรรเลงบทเพลงอันไพเราะอีกครั้ง วอร์เดนฟังเสียงนั้นนิ่ง ๆ และหลับตาลง เขาสัมผัสได้ถึง ‘ความงดงามของบทเพลง’ เป็นครั้งแรกในชีวิต

 

***

 

 

ตั้งแต่นั้นมา วอร์เดนไปหาหญิงสาวผู้นี้ทุกค่ำคืน บางครั้งเขาก็มาก่อน บางครั้งก็อยู่ฟังบทเพลงของหญิงสาวจนดึกดื่น นั่นทำให้เริ่มมีคนสงสัยว่าเขาหายไปไหน แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ได้สนใจสักเท่าไร แต่สำหรับแม่ทัพแล้ว นั่นทำให้เขาแปลกใจยิ่งนัก

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน

 

-

 

"ตั้งสติหน่อย!!"

 

ขณะที่แม่ทัพกำลังตะโกน ปลายดาบของวอร์เดนก็ตัดฉับไปที่แขนของปีศาจ ปีศาจที่กำลังเกาะขาวอร์เดนส่งเสียงกรีดร้องและล้มตัวลงไป

 

"ตั้งสติหน่อย! อยากตายหรือไง!?"

 

แม่ทัพพูดกับวอร์เดนพร้อมกับสายตาที่จ้องเขม้น แต่ว่าถึงอย่างนั้น แววตาของวอร์เดนผู้ที่ยังไม่มีสติยังคงสั่นไหวอย่างรุนแรง พอเห็นเช่นนั้น แม่ทัพจึงออกคำสั่งให้ถอยทัพกลับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกหลังจากที่วอร์เดนเข้ามาร่วมรบ

 

-

 

'กลัวพวกปีศาจงั้นรึ?'

 

แม่ทัพสายหัวกับความคิดของเขาที่ผุดขึ้นมา

กลัวปีศาจงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้ เด็กที่ไม่เคยมีแม้แต่ความรู้สึกใด ๆ แต่ว่าสิ่งที่เขาทำในวันนี้นั้น...

 

แม่ทัพคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเองก็เป็นได้

แม้ว่าจะไม่เคยเห็นวอร์เดนเป็นแบบนี้มาก่อน แต่ความสามารถของวอร์เดนก็ยังคงโดดเด่นเช่นเคย

เขายังสามารถสู้รบได้อย่างดีเยี่ยม แต่ว่าถ้าเกิดครั้งนี้เป็นปัญหาที่เกิดจากสภาพจิตใจล่ะ.... เรื่องนี้คงต้องมีคนรับผิดชอบ 

 

แม่ทัพแอบเดินตามหลังววอร์เดนไป และเห็นเขาอยู่กับหญิงสาว เขาเข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนั้นทันที ใบหน้าของวอร์เดนที่กำลังฟังเสียงขลุ่ยอยู่นั้น แม่ทัพผู้ซึ่งเป็นผู้ฝึกวอร์เดนมาทั้งชีวิตไม่เคยสีหน้าเช่นนั้นของเขามาก่อน เรื่องนี้คงต้องมีคนรับผิดชอบจริง ๆ

 

เครื่องจักรที่พัง... ก็ต้องซ่อม 

 

 

***

 

 

"วันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"

 

วอร์เดนลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินคำถามของหญิงสาว

 

"เรื่องอะไรงั้นรึ?"

"วันนี้... ท่านดูเศร้า ๆ นะ"

"..."

 

วอร์เดนไม่ตอบอะไร

 

"วันนี้..."

"วันนี้...?"

"วันนี้พวกปีศาจขอร้องให้ข้าไว้ชีวิต"

"หือ?"

"ข้าเองก็รู้ พวกปีศาจพูดได้ที่ไหนกัน... แต่ว่า ข้าได้ยินเช่นนั้นจริง ๆ มันเกาะขาข้า และร้องขอให้ไว้ชีวิต... ขอร้องว่าอย่าฆ่าพวกมัน.... ข้าได้ยินแบบนั้น."

"...."

"... ข้า... ข้าน่ะ... ไม่เคยต้องการเหตุผลในการต่อสู้มาก่อนเลย"

 

วอร์เดนพูดพร้อมกับมองที่มือของตน

 

"แต่ว่า... สิ่งที่ข้าทำอยู่ตอนนี้มันถูกหรือเปล่า? จริง ๆ แล้ว... ข้าควรทำแบบนี้หรือเปล่า?"

 

วอร์เดนมองที่หญิงสาวราวกับว่ากำลังร้องขอให้เธอตอบคำถามของเขา หญิงสาวที่ถูกจ้องมองอยู่เงียบไปพักใหญ่ และค่อย ๆ ลุกขึ้นเปลี่ยนที่ วอร์เดนมองตามก้าวเดินของหญิงสาวที่หยุดลงที่จุด ๆ หนึ่ง

 

หญิงสาวนั่งลงกลางทุ่งหญ้า ใกล้ ๆ เท้าของเธอมีหน่อของต้นหญ้าที่เกิดใหม่

 

"ท่านรู้อะไรไหม? เพราะเลือดที่ไหลนองของผู้คนและเหล่าปีศาจ ทำให้ที่แห่งนี้เคยกลายเป็นผืนดินแห้งแล้ง ไม่มีแม้แต่หญ้าสักต้น"

 

หญิงสาวแตะไปที่ดอกหญ้าเกิดใหม่อย่างทะนุถนอมและพูดขึ้น

 

"การกำจัดปีศาจ.... ที่จริงข้าก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าอะไรถูกหรือไม่ถูก...  แต่ว่าข้ารู้อยู่อย่างหนึ่ง หลังจากที่ท่านมาที่นี่... เพราะท่านกำจัดพวกปีศาจพวกนั้น... ทำให้ที่นี่เริ่มมีต้นหญ้าขึ้น และผู้คนก็ไม่ต้องเจ็บตัวเพราะพวกปีศาจ นั่นทำให้ข้าดีใจมาก ๆ เลยนะ "

"เรื่องนั้น..."

"แต่ว่า"

 

เสียงอันหนักแน่นของหญิงสาวทำให้วอร์เดนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างหยุดชะงัก

 

"แต่ว่า ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านเจ็บปวด... ถ้าท่านต้องเจ็บปวด ก็อย่าทำเลย"

 

หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ ๆ เธอมองตาของวอร์เดนและเอามือไปวางที่หน้าอกของเขา

 

"หากท่านรู้สึกเจ็บปวด ก็อย่าได้ละทิ้งตัวเองเพื่อคนอื่นเลย ท่านแค่ทำ... ในตอนที่ตัวเองอยากทำก็พอ” 

 

หญิงสาวมองวอร์เดนด้วยแววตาที่แน่วแน่และยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มนั้น...ทำให้วอร์เดนเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มครั้งแรกในชีวิตของเขา

 

"อ๊ะ จริงสิ!"

 

อยู่ ๆ เธอก็คิดอะไรขึ้นได้ และหยิบถุงเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า

 

"เรามา...ปลูกนี่ด้วยกันไหม?"

"นี่อะไรน่ะ?"

"นี่คือเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ของดอกไม้ที่ร้องเพลงได้น่ะ"

"ดอกไม้ที่ร้องเพลงได้งั้นหรือ"

"เมล็ดพันธุ์นี้น่ะ ว่ากันว่า ในตอนที่ดอกไม้ผลิบาน มันจะร้องเพลงที่เราเคยเล่นให้ฟัง แต่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ เพราะงั้น ถ้าเกิดเราปลูกเมล็ดพันธุ์นี้และเล่นดนตรีให้ฟังล่ะก็...เมื่อดอกไม้บาน ก็จะร้องเพลงให้เราฟัง"

"ดอกไม้แบบนั้น..."

"เอาล่ะ มาช่วยข้าหน่อยได้ไหม"

 

หญิงสาวไม่รอบคำตอบของวอร์เดนและจูงเขาไปที่ทุ่งหญ้า

 

ทั้งคู่ช่วยกันปลูกเมล็ดพันธุ์อยู่พักใหญ่ ขณะเดียวกันนั้น ท่ามกลางความมืดมิด แม่ทัพแอบเฝ้ามองทั้งคู่อยู่ตลอด

 

****

 

 

หลายวันผ่านไป

หลังจากวันนั้น วอร์เดนเดินมาที่หน้ากระโจมของแม่ทัพทุกเช้า

 

ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่กล้าเข้าไปด้านใน ถึงจะคิดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องพูดกับท่านแม่ทัพให้ได้ แต่กลับยืนอยู่หน้าเต็นท์ไม่ขยับไปไหน

 

'หากท่านรู้สึกเจ็บปวด ก็อย่าได้ละทิ้งตัวเองเพื่อคนอื่นเลย'

 

คำพูดของหญิงสาวทำให้วอร์เดนตัดสินใจที่จะปลีกตัวออกมาจากสนามรบ เขาไม่เคยรู้สึกลังเลการสู้รบมาก่อนเลย ทุกครั้งที่ได้รับคำสั่ง เขาจะทำตามเสมอ สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงแค่การกวาดล้างเผ่าปีศาจเท่านั้น แต่ว่า ในตอนนี้ เขากลับไม่ชอบการสู้รบเอาเสียเลย มีเพียงความคิดที่ว่าอยากจะอยู่กับหญิงสาวผู้นั้นในที่แห่งไหนสักแห่ง ดังนั้น เขาจึงอยากที่จะปลีกตัวออกมาจากสงครามนี้

 

แต่ว่า การจะเอ่ยคำนั้นออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ผู้นั้นคือแม่ทัพที่ฝึกฝนเขามาทั้งชีวิต เขาควรจะบอกยังไงดีนะ อีกอย่าง ไม่รู้เลยว่าแม่ทัพจะอนุญาตหรือไม่

 

เพราะความลังเล ทำให้วอร์เดนต้องออกนำทัพอยู่หลายวัน หลายคืน เขาทำแบบนั้นซ้ำ ๆ บางที ถ้าแม่ทัพไม่ออกมา เขาอาจจะต้องนำทัพต่อไปอีกกี่วันก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ ทว่า คำพูดของแม่ทัพที่เพิ่งกลับมายังสนามรบทำให้เขาเลิกลังเล

 

"ท่าน...แม่ทัพ"

"อยู่นี่เอง พอดีเลย ไป เราไปออกรบกัน"

"ตอนนี้หรือ"

"เร็วเข้า! รายละเอียดเดี๋ยวข้าจะอธิบายให้ฟังทีหลัง"

"ขะ- ขอรับ!"

 

 

***

 

 

วอร์เดนไม่พูดอะไรออกมา เดินตามท่านแม่ทัพไปทั้งที่ไม่รู้รายละเอียด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เขาจะทำตามคำสั่งโดยไม่คิดจะเอ่ยปากถาม

 

‘สุดท้ายก็ไม่พูด แล้วยังต้องกลับไปร่วมสงครามอีกจนได้...’

 

วอร์เดนที่คิดได้แบบนี้ยิ้มเยาะตัวเอง ช่างเป็นความกังวลที่ทำให้เสียเวลา ถึงอย่างนั้น เขากลับได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้สมาธิกระเจิง ถึงจะเป็นเสียงที่ไกลเกินกว่าจะได้ยิน แต่สำหรับวอร์เดนแล้ว เสียงนี้มันคือเสียงที่เขาคุ้นเคยจนรู้ได้ทันทีว่ามันคือเสียงอะไร

 

เสียงร้องโหยหวน....ของคนกับปีศาจ

 

วอร์เดนที่รู้ที่มาขอแหล่งเสียงหมุนตัวกลับโดยทันที เสียงไม่ได้ดังมาจากทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป แต่ดังมาจากทางค่ายทหารและที่ที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่

 

เวลานั้น วอร์เดนรรู้ทันทีว่าตนเองมาผิดทาง รีบวิ่งกลับไปที่ต้นเสียงอย่างรีบร้อน

 

"หยุดก่อน"

"!?"

 

เสียงของแม่ทัพที่ลอยมาทำให้วอร์เดนต้องหยุดฝีเท้า

 

"หมู่บ้านนั่นอันตรายเกินไป เราต้องถอยก่อน..."

“ถอยออกมา ตอนนี้ยังไงก็ต้องถอยก่อน”

“ที่ท่านพูดออกมาหมายว่าอย่างไร ท่านรู้อยู่แล้วว่าหมู่บ้านถูกจู่โจมอย่างนั้นรึ ถึงอย่างนั้น ก็ยังหนีออกมาอย่างนั้นหรือ?”

“ปีศาจพวกนี้ ถ้าตัวเองเสียเปรียบ มันจะกลับไปตามพวกของมันมาอีก”

“ท่านหมายความ.....”

 

ตอนนั้นเอง ในหัวของวอร์เดนกลับมีปีศาจตนหนึ่งปรากฎขึ้น มันคือปีศาจตัวที่เกาะขาเพื่ออ้อนวอนร้องขอชีวิต จนเขาฆ่าไม่ลงและยอมปล่อยให้มันหนีไป

 

"อย่าบอกนะว่า...!"

"ใช่แล้ว พวกที่วิ่งหนีนั่น เดี๋ยวมันก็จะไปพาพวกกลับมา”

"ถ้าอย่างนั้น นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมา...! เร็วเข้า..."

"ตั้งสติหน่อย!!"

 

เสียงตะโกนจากแม่ทัพ ทำให้การเคลื่อนไหวของวอร์เดนหยุดลง

 

"เจ้ารีบเร่งอย่างนี้เพราะอะไรกันแน่"

"เรื่องนั้นน่ะ..."

"เพราะอยากจัดการพวกปีศาจ หรือว่าอยากจะช่วยผู้หญิงคนนั้นกันแน่”

"...!?"

 

วอร์เดนหันกลับมามองแม่ทัพ

 

"ท่านหมายความว่ายังไง"

“เหตุผลในการมีตัวตนของเจ้าคือการต่อสู้ เจ้าได้รับการฝึกมาแบบนั้น เมื่อไหร่ที่เจ้าหลงลืมเหตุผลข้อนี้ ในตอนนั้น เจ้าก็ไม่มีความเป็นที่จะต้องมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้

 

คำพูดนี้ทำให้วอร์เดนแสดงสีหน้าไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นแม่ทัพก็ไม่ลังเลที่จะพูดต่อ

 

“ถ้าเข้าใจที่ข้าพูดแล้วก็กลับมาซะ ปีศาจพวกนั้นอาจจะฆ่าเราตายหมดก็ได้ บางครั้งเราก็จำเป็นต้องเสียสละชีวิตบ้างเหมือนกัน”

 

ราวกับไม่ต้องการคำตอบโต้ แม่ทัพหันหลังกลับไปทันทีเมื่อพูดจบ แต่สุดท้าย ก็ต้องหันกลับมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของวอร์เดน

 

"เหตุผลของข้า... มีแต่นั้นจริง ๆ หรือ"

"อะไรนะ"

"ข้าน่ะ... มีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้เท่านั้นจริง ๆ หรือ นั่นคือเหตุผลที่ข้ามีชีวิตอยู่งั้นรึ”

"ข้าก็พูดไปแล้ว"

"ถ้าอย่างนั้น... ข้าควรจะลบตัวตนข้าออกเสียดีกว่า"

"เจ้า...!"

"พอได้ฟังคำของท่านแม่ทัพ ตอนนี้ข้าเองก็รู้แล้ว ข้าไม่ได้ต่อสู้เพราะว่าอยากต่อสู้ ข้าต่อสู้เพราะว่าข้าต้องการปกป้องการมีตัวตนของข้า แต่ถ้าเกิดข้าไม่มีตัวตนแล้วล่ะก็... ข้าคงไม่มีเหตุที่ต้องอยู่ที่นี่อีก”

 

เมื่อพูดจบแล้ววอร์เดนไม่รอฟังคำตอบของแม่ทัพ และรีบวิ่งไปทางหมู่บ้านทันที

 

"หยุดนะ!! ข้าบอกให้หยุด!"

 

เสียงตะโกนของแม่ทัพลอยผ่านอากาศมา แต่นั่น มีแต่ทำให้ฝีเท้าของวอร์เดนกลับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

 

 

***

 

 

มาถึงที่ค่ายทหารช้าเกินไป ซากศพปีศาจและเหล่าทหารมากมายเกลื่อนกลาด และที่ตรงกลางลานกว้างตรงนั้น

 

“ไม่!”

 

วอร์เดนรีบวิ่งไปอุ้มหญิงสาวที่หมดสติขึ้นมา

 

“ไม่นะ....ขอร้องล่ะ....”

บรรจงเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของหญิงสาวราวกับจะอ้อนวอน แต่เธอกลับหลับตาและไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย

“ได้โปรด....”

วอร์เดนกอดหญิงวางไว้ในอ้อมกอด ก่อนที่ร่างเขาจะเริ่มสั่นเทา

รู้อยู่แล้ว

ดูจากซากศพมากมายพวกนี้ก็รู้อยู่แล้ว

แต่ไม่อยากเชื่อเลย

เขาไม่อยากเชื่อเลย.

 

ว่าคนที่ทำให้เขารู้ถึงเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ ในตอนนี้เธอไม่มีชีวิตอยู่แล้ว...

 

 

 

***

 

http://static.plaync.co.kr/gaiaupload/BladeNSoul/bbs/201806/220180604155342.png?1528095222818


 


 

เนินดินของเล็ก ๆ ที่เป็นหลุมศพของหญิงสาวนั้น เล็กมากเสียจนแทบจะไม่รู้ว่ามันคือหลุมศพ มีเพียงวอร์เดนที่นั่งอยู่หน้าหลุมศพเหมือนป้ายศิลากับขลุ่ยที่เขาถืออยู่เท่านั้น ที่ทำให้รู้ว่านี่คือหลุมศพของหญิงสาว

 

วอร์เดนนั่งอยู่หน้าหลุมศพโดยไม่คิดจะขยับไปไหนมาหลายวัน

แม่ทัพที่เห็นสภาพของวอร์เดน ได้เอ่ยปากถาม

 

”จะนั่งอยู่แบบนั้นไม่ไปไหนเลยรึ”

“ขอรับ”

“ทำแบบนั้นไม่หรอก คราวนี้มีแต่เราแล้วที่เป็นทัพหน้า”

“แต่ว่า...การสูญเสียมันหนักหนาเกินไป”

“ข้าเองก็ทำอะไรได้หรอก สภาพเจ้าแบบนี้ ข้าคงพาไปออกรบด้วยไม่ได้ แต่ข้าก็ทิ้งที่นี่ไปไม่ได้เช่นกัน ข้าไม่รู้ว่าถ้าที่นี่ถูกตีแตก เส้นทางไปเมืองหลวงก็จะถูกเจาะ”

“......”

“ข้าขอโทษ แต่ช่วยอดทนอีกหน่อยเถอะ”

 

เหล่าทหารที่ได้ยินคำพูดขอท่านแม่ทัพพากันก้มลงหยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมา แม่ทัพพยายามที่จะเดินเข้าไปตบไหล่เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ แต่ความจริงแล้วตัวเองก็ไม่มีแรงเหมือนกัน

 

จนถึงตอนนี้เพราะว่ามีวอร์เดนอยู่ด้วย ทำให้การรบผ่านไปได้ด้วยดี แต่เมื่อวอร์เดนตั้งใจที่จะไม่เข้าร่วมการต่อสู่ เหล่าทหารพวกนี้ก็มีเพียงแค่ความตายที่รออยู่ อย่างไรก็ตามวอร์เดนยังคงไม่ขยับตัว แม้ว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องของทหารและเลือดที่หยดลงพื้นอยู่เบื้องหลัง เขาก็ยังไม่ขยับตัว

 

จำนวนของทหารลดลงเรื่อย ๆ ฤดูกาลเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

ใบไม้ที่ตกลงมาอยู่บนไหล่ของวอร์เดนนั้น ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ก่อนที่มันจะละลายเมื่อฤดูเปลี่ยนไปอีกครั้ง พื้นที่ข้างวอร์เดนเริ่มมีต้นอ่อนสีเขียวเริ่มผลิบาน และในระหว่างนั้น ปีศาจจำนวนมากได้ถูกฆ่า แต่ชีวิตของเหล่าทหารที่ถูกพรากไปนั้นกลับมากกว่า

 

 

*

 

แม่ทัพที่คิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ได้กลับมาหาวอร์เดนอีกครั้ง

“ไม่คิดจะขยับตัวไปไหนเลยรึ?”

วอร์เดนไม่ตอบ

“การต่อสู้ครั้งนี้ ข้าต้องการให้เจ้าเข้าร่วมด้วย ลำพังแค่พวกข้า ไม่สามารถสู้มันได้”

“……”

“ข้าขอร้องล่ะ”

“……”

“...ได้โปรด”

“......”

 

แม่ทัพที่ไม่ได้รับคำตอบส่ายหัวน้อย ๆ ก่อนจะจากไป

ฟิ้ววว

สายลมพัดเข้ามาแทนตำแหน่งที่แม่ทัพเคยนั่งอยู่

ฟิ้ววว

ฟิ้ววว…….

 

สายลมที่พัดมาเบาๆ ทำให้ผมของวอร์เดนปลิวสไว ในตอนนั้นเองที่วอร์เดนเริ่มกระดิกตัว

 

เสียงขลุ่ย

 

เสียงที่ลอยมาตามสายลม มันคือเสียงเพลงที่หญิงสาวเคยบรรเลงให้เขาฟัง

 

*

 

ถึงจะนั่งอยู่เป็นเวลานานเหมือนป้ายศิลา แต่วอร์เดนได้หมุนตัวไปตามเสียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบกลับทุ่งสีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตา

ฟิ้วว

สายลมที่พัดอยู่ในทุ่งหญ้าลอยมาทางเขา เสียงขลุ่ยของหญิงสาวดังก้องชัดเจนเต็มหูวอร์เดน

พื้นที่ดินที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีน้ำตาลแดง ตอนนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่ง แม้กระทั่งต้นหญ้าเองก็ออกดอกเช่นกัน

 

“เมล็ดนี้คือเมล็ดพืชร้องเพลง ถ้าเราเล่นเพลงตรงนี้ เมื่อมันบานแล้ว มันจะเล่นเพลงให้เราฟังแต่เพียงแค่ครั้งเดียวนะ”

 

เมล็ดที่วอร์เดนเคยปลูกกับหญิงสาว เขาจำคำพูดของเธอในตอนนั้นได้ เมล็ดพืชร้องเพลงที่เขาปลูกในตอนนั้น กำลังบรรเลงเพลงที่หญิงสาวคนนั้นเคยบรรเลงให้เขาฟัง

 

“เพราะท่านกำจัดพวกปีศาจพวกนั้น... ทำให้ที่นี่เริ่มมีต้นหญ้าขึ้น และผู้คนก็ไม่ต้องเจ็บตัวเพราะพวกปีศาจ นั่นทำให้ข้าดีใจมาก ๆ เลยนะ”

 

เขาได้ยินเสียงของหญิงสาวอีกแล้ว

 

ตอนนี้เอง ที่วอร์เดนได้รู้ถึงเหตุผลในการต่อสู้ของตัวเอง และรู้ว่าตรงไหนคือสถานที่ที่ตัวเองอยากปกป้อง

 

***

 

 

“ท่านแม่ทัพ ข้าทนต่อ......อ๊าก”

 

ทหารคนหนึ่งที่ต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ถูกฆ่าไปเสียแล้ว เหลือเพียงแค่แม่ทัพที่ได้รับบาดเจ็บที่ขาและไม่สามารถขยับตัวได้

 

“จบเพียงเท่านี้ซินะ”

 

แม่ทัพมองปีศาจที่กำลังเดินมุ่งหน้ามาทางตัวเอง ก่อนจะหลับตาลง ทันใดนั้นเอง

เคว้ง เคว้ง เคว้ง เคว้ง เคว้ง

 

เสียงดังสนั่นปรากฎขึ้นพร้อมกับปีศาจที่ล้มลง นอกจากนี้ปีศาจที่รวมกันอยู่ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง ต่างก็ค่อยๆ ล้มลงทีละตัว

 

“นี่มัน...”

 

แม่ทัพรับรู้ได้ทันทีเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของปีศาจ

ภาพที่เคยเห็นมาหลายสิบปี

 

วอร์เดนได้กลับเข้าร่วมสงครามแล้ว

 

***

 

สถานการณ์คลี่คลายภายในพริบตา ปีศาจมากมายที่ยืนเรียงรายเต็มไปหมดเมื่อครู่ ตอนนี้หายตัวไปราวกับฝุ่นสีเทา แม่ทัพที่หมดแรงลืมคำพูดไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ เดินไปหาวอร์เดน

 

“ขอบใจเจ้ามาก”

“.....”

“หลังจากนี้..เจ้าจะกลับมาแล้วใช่มั้ย”

 

คำถามของแม่ทัพ ทำได้เพียงสร้างรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของวอร์เดน

 

“อาาา..อย่างนั้นรึ..”

 

ถึงไม่ตอบก็รู้ได้ วอร์เดนไม่ได้กล่าวอะไร หันหลังไปกลับเงียบๆ มองดูแผ่นหลังของวอร์เดนที่ค่อยๆ ห่างออกไป ก่อนที่เขาได้ยินเสียงบทเพลงที่นุ่นนวลแต่ก็เศร้าในคราวเดียวกัน

 

“นี่มัน...เสียงเพลงหรอ...? ไม่น่าใช่หรอก....”

 

 

แม่ทัพหมุนตัวไปรอบ ๆ เพื่อมองหาต้นเสียง แต่ก็เห็นเพียงแผ่นหลังของวอร์เดนที่ไกลออกไปเท่านั้น รอบบริเวณนี้ไม่มีใคร และไม่มีอะไรเลย ถึงจะยังคงสงสัย แต่ตอนนี้มีเพียงเสียงของสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น

 

 

- fin -


keyboard_arrow_up

ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งาน
|
นโยบายความเป็นส่วนตัว
|
Customer Service Center
|
Open Source License Announcement
BLADE & SOUL ® IS A REGISTERED TRADEMARK OF NCSOFT CORPORATION.
COPYRIGHT ⓒ NCSOFT Corporation. Licensed to Garena Online. All Rights Reserved.